เวลาเลือกซื้อคอนโด หลายคนโฟกัสแต่ราคา ทำเล และส่วนกลาง
แต่หนึ่งในเรื่องสำคัญที่หลายคนมองข้าม คือ "ความหนาแน่นของยูนิตในโครงการ"
วันนี้เราจะมาเจาะลึกว่าทำไมเรื่องนี้สำคัญ และมีผลต่อการอยู่อาศัยจริง
หมายถึง "จำนวนยูนิตต่อพื้นที่โครงการ"
คิดง่าย ๆ:
ยิ่งจำนวนยูนิตเยอะ → ความแออัดของคนในพื้นที่ส่วนกลางมากขึ้น
ตัวอย่าง:
คอนโด High Rise บางโครงการ 1 อาคารมี 500-1,000 ยูนิต
Low Rise บางโครงการทั้งโครงการมีไม่ถึง 100 ยูนิต
✅ ลิฟต์ต้องรอนานช่วงเวลาเร่งด่วน
✅ ที่จอดรถไม่พอ
✅ Facility (สระ ฟิตเนส Co-working) คนใช้แน่น
✅ นิติบุคคลต้องบริหารงานยากขึ้น
✅ ค่าส่วนกลางมีโอกาสปรับเพิ่มบ่อย
✅ ปัญหาเสียงรบกวน ความเป็นส่วนตัวลดลง
ประเภท | จำนวนยูนิตเหมาะสม |
---|---|
Low Rise | 50 - 200 ยูนิต |
High Rise (ไม่เกิน 30 ชั้น) | 300 - 500 ยูนิต |
High Rise (30 ชั้นขึ้นไป) | 500 - 700 ยูนิต |
ถ้าเกินจากนี้ → ต้องดูว่ามีจำนวนลิฟต์เพียงพอหรือไม่ (ควรมี 1 ลิฟต์ต่อ 80-100 ยูนิต)
✅ ถามยอดยูนิตทั้งหมดก่อนจอง
✅ ดูจำนวนลิฟต์และระบบรองรับ (ระบบ Access Control, Keycard)
✅ ถามนิติฯ ถึงอัตราการจอดรถจริง
✅ ลองไปดูโครงการช่วงเวลาเร่งด่วน (เช้า-เย็น)
ความหนาแน่นมีผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต
ถ้าอยู่เอง → ยิ่งยูนิตน้อย ความเป็นส่วนตัวยิ่งสูง
ถ้าลงทุน → คอนโดหนาแน่นเกินไป อาจปล่อยเช่ายากขึ้นในอนาคต
👉 บทความซีรีส์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Smile Bangkok | บทความอสังหาฯ อ่านง่าย ใช้ได้จริง
ติดตามบทความดี ๆ ทุกวัน หรือใช้บริการตัวแทนมืออาชีพได้ที่ www.smilebangkok.com
หน้าที่เข้าชม | 343,204 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 246,990 ครั้ง |
เปิดร้าน | 28 มี.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |